เมนู

พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐ อันว่าชาติภูมิ
ของบพิตรพระราชสมภาร อยู่ที่ไหนเล่า
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์บอกว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ยังมีเกาะอันหนึ่งชื่อ
ว่าอลสัณฑะไกลได้ 200 โยชน์ ชาติภูมิของโยมอยู่ที่ตรงนั้น
พระนาคเสนจึงถามว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐ บพิตรจงระลึกไปดูเกาะนั้น
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า อาม ภนฺเต เจ้าข้า โยมระลึกแล้ว
ก็มหาบพิตรระลึกได้ 200 โยชน์ เร็วบัดเดี๋ยวก็ถึงเกาะอลสัณฑะนั้นฉันใด พระอรหันต์
เข้าสู่ฌานนั้น เหาะไปแต่ชมพูทวีปรีบเร็วถึงซึ่งพรหมโลกเร็วเหมือนกันกับพระองค์อยู่ที่นี้ ระลึก
ถึงเกาะอลสัณฑอันเป็นชาติภูมิแห่งมหาบพิตร
ในกาลนั้น พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควร
ทูรพรหมโลกปัญหา คำรบ 4 จบเท่านี้

พรหมโลกกัสมิรปัญหา ที่ 5


พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้เจริญ คนกระทำกาลกิริยาตายจากมนุษยโลกนี้พร้อมกัน คนหนึ่งนั้นไปบังเกิด
ในพรหมโลก คนหนึ่งนั้นไปบังเกิดในกัสมิรนคร ใครจะเกิดได้ก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร คนทั้งสองนั้น
เกิดได้พร้อมกัน
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า ยังกระไรกระนั้น นิมนต์พระผู้เป็นเจ้ากระทำ
อุปมาไปก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร ชาติภูมิของ
มหาบพิตรสถิตสถานที่ใดเล่า
ฝ่ายพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า โยมบังเกิดที่กลาสิรคามอันนี้ ในเกาะ
อลสัณฑะนั้น

พระนาคเสนจึงถามว่า ไกลกับที่นี่เท่าไร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ ตั้งแต่
กาลสิรคามมาถึงที่โยมอยู่นี้ไกล 200 โยชน์โดยวัด
พระนาคเสนจึงถามสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์ว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระ
ราชสมภาร แต่ที่นี้ไปจนถึงกัสมิรนครนั้น จะประมาณทางเท่าไรเล่า
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสบอกว่า ไกล 12 โยชน์ โดยวัด
พระนาคเสนจึงตักเตือนพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์ว่า บพิตรจงคิดไปถึงกาลสิรคามเถิด
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประเสริฐ โยมคิดดูแล้ว
พระนาคเสนจึงว่า บพิตรพระราชสมภาคเจ้า จงระลึกถึงกสมิรนครเถิด
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ประเสริฐ โยมคิดแล้ว
พระนาคเสนจึงถามว่า มหาบพิตรคิดไป ข้างไหนจะถึงก่อนเร็วกว่ากัน
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถึงพร้อมกัน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี บุคคลที่ตายในอิธโลกนี้พร้อมกัน คนหนึ่งไป
บังเกิดในพรหมโลก คนหนึ่งนั้นไปเกิดในเมืองกัสมิรนครก็พร้อมกันเหมือนกันดังนั้น
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นธรณีมีพระราชโองการตรัสว่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าอุปมาให้ยิ่ง
กว่านี้
พระนาคเสนมีเถรวาจาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร เปรียบปานดุจ
สกุณชาติสองตัวบินไปบนอากาศ สกุณชาติทั้งสองลงจับไม้ต้นเดียวกัน ตัวหนึ่งนั้นจับสูงตัวหนึ่ง
นั้นจับต่ำ แต่ว่าจับตรงกัน ตกว่าเงาสกุณชาตินั้น ตกลงปรากฏอยู่ ณ พื้นปฐพี เงานกที่จับอยู่
สูงจะลงมาถึงดินก่อนหรือว่าเงานกที่บินร่อนไปจับต่ำนั้นจะถึงก่อนประการใด
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสวิสัชนาแก้ไขว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เงานกนั้นตกถึง
ปฐพีเสมอกัน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี บุคคลทั้งสองตายจากอิธโลกนี้พร้อมกัน
คนหนึ่งเกิดในชั้นพรหม คนหนึ่งเกิดในเมืองกัสมิรนครนั้นก็พร้อมกัน ดุจเงาแห่งนกจับตรงกัน
เงานั้นลงมาถึงดินพร้อมกัน ของถวายพระพร

พระราชกรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ
นาคเสนผู้ปรีชา พระคุณจงกระทำอุปมาให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้
พระนาคเสนมีเถรวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพร บพิตรจงทอดพระเนตรดูพระ
จันทร์พระอาทิตย์ พระอาทิตย์อันอยู่บนเวหานั้นไกลกันกับที่เราอยู่นี้สี่หมื่นสองพันโยชน์ จะ
เห็นพระจันทร์ ก่อนหรือว่าจะเห็นพระอาทิตย์ก่อนเป็นประการใด
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสแก้ไขว่า โยมแลเห็นพร้อมกัน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี บุคคลทั้งสองตายพร้อมกันในอิธโลกนี้ คน
หนึ่งไปเกิดในพรหมโลก คนหนึ่งไปเกิดในเมืองกัสมิรนครนั้นก็พร้อมกัน มีอุปไมยดังนั้น ขอถวาย
พระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ สมควรแล้วที่พระ
ผู้เป็นเจ้าวิสัชนามาในกาลบัดนี้
พรหมโลกกัสมิรปัญหา คำรบ 5 จบเท่านี้

รโลกคตนีลปีตาทิวัณณคตปัญหา ที่ 6


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อุตฺตริ การณํ ปุจฺฉิสฺสามิ โยมจะถามพระผู้เป็นเจ้าให้วิเศษโดยเหตุ
ยิ่งกว่านี้ว่า สัตว์โลกที่จะตายไปสู่ปรโลกนั้นมีพรรณสีสันเขียวเหลืองแดงขาวหงสบาทโอภาส
ประภัสสรประการใด อนึ่งจะว่าไปโดยสัณฐานนั้น จะเหมือนรูปช้างรูปม้าหรือประการใด
ส่วนพระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐ สมเด็จพระบรม-
โลกนาถศาสดาจารย์จะได้บัญญัติไว้หามิได้ คำที่บพิตรถามนี้มิได้มีในพระพุทธวจนะ
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ จึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ
นาคเสนผู้ปรีชา แม้ว่าเสด็จพระสมณโคดมบรมครูเจ้า มิได้ตรัสบัญญัติไว้ว่า สัตว์โลกทั้ง
หลายจะตายไปสู่ปรโลกนั้น สัณฐานวรรณะไม่มีแน่กระนั้น ถ้ากระนั้นปรโลกก็ไม่มี สมด้วยคุณา-
ีชีวกกล่าวว่าไว้แล้วนะพระผู้เป็นเจ้า ดังจะรู้มาว่าคุณาชีวกผู้นี้เป็นอาจารย์ใหญ่กล่าวไว้ว่า นตฺถิ
ปรโลโก
ปรโลกไม่มี